เพื่อการสร้างบ้านคุณภาพ ที่ไม่เสียเปรียบใคร

สร้างบ้านสักหลัง
ว่าจ้างใครดี ..ตอนที่ 2-3




ตอนที่ 2-3
ข้อด้อย..บริษัทสร้างบ้าน

  1. ค่าก่อสร้างสูงกว่าผู้รับเหมา

    ค่าก่อสร้างของบริษัทรับสร้างบ้าน
    อาจสูงกว่าการจ้างผู้รับเหมา
    ประมาณ 3,000 บาทต่อตารางเมตร
    (หากใช้วัสดุและวิธีการก่อสร้างแบบเดียวกัน
    และได้งานคุณภาพแบบเดียวกัน)

    หากเป็นบ้านระดับบน
    ส่วนต่างของราคาจะมากขึ้นกว่านี้


  2. เก็บเงินมัดจำสัญญา
    งวดถัดไป..
    เก็บมากกว่ามูลค่างานจริง

    บริษัทรับสร้างบ้าน
    มักเก็บเงินมัดจำ 10-15% ของค่างาน
    เก็บเงินงวดถัดไปมากกว่ามูลค่างานจริง
    ส่วนงวดท้ายๆ เงินที่เหลือ
    ไม่ครอบคลุมมูลค่างานที่ต้องทำ


  3. ลูกค้า
    มีอำนาจต่อรองน้อยในสัญญา

    สัญญามักถูกจัดทำโดยบริษัท และมีรายละเอียดที่เน้นคุ้มครองผลประโยชน์ฝั่งบริษัทมากกว่าฝั่งลูกค้า เช่น การกำหนดเงินงวดล่วงหน้า เงื่อนไขการยกเลิกที่ไม่ชัดเจน หรือบทลงโทษไม่สมดุล


  4. ตรวจสอบต้นทุนและราคายาก

    บริษัทมักเสนอราคารวมโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดต้นทุนวัสดุ ค่าแรง หรือค่าใช้จ่ายในแต่ละส่วน ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปรียบเทียบหรือประเมินความเหมาะสมได้บริษัทรับสร้างบ้าน


  5. ลูกค้าไม่เห็นมาตรฐานงานจริงก่อนตัดสินใจ

    บางบริษัทมีบ้านตัวอย่าง แต่ไม่สามารถแสดงผลงานจริงที่หลากหลายให้ลูกค้าตรวจสอบคุณภาพงานในสถานการณ์จริงได้

  6. ระบุเรื่องคุณภาพบ้านไม่ชัดเจน

    เนื่องจาก..
    สัญญาสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้านไม่ระบุ เรื่องคุณภาพบ้านเอาไว้อย่างชัดเจน

    ตอนที่จะเซ็นสัญญา ลูกค้าไม่รู้อย่างชัดเจนว่า.จะได้บ้านที่มีคุณภาพแค่ไหน ?

    ตอนก่อสร้าง ลูกค้าไม่มีความรู้เรื่องงานก่อสร้างไม่มี KPI ในการวัดผลงาน แม้จะเห็นงานสร้างบ้านของตนเองลูกค้าก็..มองไม่ออกว่า.. ผลงานที่ได้รับนั้นมีคุณภาพแค่ไหน ?


  7. ความรู้ของลูกค้ามักถูกจำกัดอยู่ในข้อมูลที่บริษัทนำเสนอ

    ลูกค้าส่วนใหญ่อาศัยข้อมูลจากเซลส์หรือโบรชัวร์ โดยไม่ทราบเบื้องหลังการจัดการ การคุมต้นทุน หรือความเสี่ยงต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในระบบการทำงานของบริษัท

  8. เปลี่ยนแปลงงานระหว่างก่อสร้างได้ยาก

    หากลูกค้าต้องการปรับแก้แบบหรือวัสดุในระหว่างก่อสร้าง มักเจอข้อจำกัดหรือถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยไม่มีตัวเลือกอื่น

  9. ลูกค้าไม่สามารถเลือกผู้รับเหมาที่ลงมือจริง

    บริษัทอาจจ้าง “ผู้รับเหมาช่วง” หรือทีมงานจากภายนอกที่ลูกค้าไม่รู้จักหรือไม่มีโอกาสตรวจสอบคุณภาพมาก่อน

  10. ไม่มีคนกลาง ช่วยไกลเกลี่ยปัญหา

    เมื่อเกิดความเห็นไม่ตรงกัน
    ระหว่างผู้ว่าจ้างกับบริษัทรับสร้างบ้าน
    ลูกค้าต้องเจรจากับบริษัทโดยตรง
    โดยไม่มีคนกลางคอยช่วยประสาน
    หรือไกล่เกลี่ยปัญหา

    สิ่งนี้อาจทำให้การเจรจาเป็นไปได้ยาก
    โดยเฉพาะในกรณีที่..
    มีข้อพิพาทเกี่ยวกับคุณภาพงาน การจ่ายเงิน
    หรืองานที่ต้องแก้ไข
    เพราะ..
    ลูกค้าไม่มีกลไกที่เป็นกลางช่วยแก้ไขปัญหา
    ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย


หน้าถัดไป
เทคนิคในการใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน


กลับไปหน้า

รวมทางเลือกในการสร้างบ้าน


ต้องการปรึกษา
ผู้เชียวชาญด้านว่าจ้างผู้รับเหมา
แอดไลน์จาก คิวอาร์โค้ด

14 User Online