เพื่อการสร้างบ้านคุณภาพ ที่ไม่เสียเปรียบใคร



โดย หมอโจ

มุมมองเจ้าของบ้าน ตอนที่ 37
ฟังแม่เล่า...เม้าท์เรื่องบ้าน



“บ้านไปถึงไหนแล้ว”
แม่ผมเอ่ยปากถามเมื่อหลายวันก่อน


“ โธ่แม่ พึ่งขึ้นเสาเอกได้ไม่กี่วัน
มันจะไปได้...มากแค่ไหนกันเชียว ”


“ อย่าลืมทำที่เก็บของเผื่อไว้ด้วยนะ”
“ คร้าบบบบบ”


“ ห้องนอนแขกทำดีๆ เผื่อแม่
ลงไปเยี่ยม จะได้พักสบายๆหน่อย ”
“ คร้าบบบบบ ”


“ ถ้ามีหลานเมื่อไหร่ แม่ก็จะอยู่ยาวเลย ”
“ หา....! ”



ว่าแล้วแม่ผมก็สาธยายความย้อนไปถึงตอนที่พ่อกับแม่...แต่งงานกันใหม่ๆ แล้ว
ต่อมา..ก็ปลูกบ้านหลังปัจจุบัน หลังที่ผมเติบโตมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ


“สมัยนั้นปลูกบ้านเองราคาไม่กี่หมื่นเองนะ พ่อโจน่ะ ออกแบบเองเป็นสถาปนึก
เอง..นึกเอาเองทั้งนั้น ไม่ถามแม่ซักคำ ”


หมอผึ้งชำเลืองตามาทางผม อารมณ์คงประมาณว่า
“ ชั้นรู้แล้วล่ะ ว่าเธอได้เชื้อใครมา ”


“เล่าต่อครับแม่ ! ” ต้องรีบตัดบท ก่อนที่สายตาเธอ จะเชือดเฉือนผมไปกว่านี้


แม่เล่าให้ฟังว่า สมัยนั้น ไม่รู้จักหรอก สถาปนิก บริษัทรับสร้างบ้านก็ยังไม่มี
เหมือนทุกวันนี้ ใครจะสร้างบ้าน


ก็ต้องไปหาผู้รับเหมา..ซึ่งก็มักจะเป็นคนในพื้นที่สร้างให้ แบบบ้านก็เขียนใส่
เศษกระดาษเอา ( แม่บอกอย่างนี้จริงๆ )


“พิมพ์เขียวไม่มีเหรอแม่ ?” ผมล้อแม่เล่น


“ พิมพ์เขียวเหรอ 
ถึงมีนะ สล่าก็อ่านไม่เป็นหรอก ”


ทางเหนือเค้าเรียกช่างว่า “ สล่า ” ครับ (อ่านว่า สะ-หล่า ) สล่าที่สร้างบ้านให้
ตอนนั้น..แม่บอกว่าจบแค่ ป.4 เอง แต่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่งานปูน งานไม้
งานปูกระเบื้อง ยันงานไฟฟ้า งานประปา เรียกได้ว่า All in One ครบเครื่องครับ


แต่ความรู้ภาคทฤษฎีเชิงช่าง เชิงก่อสร้าง อ่านแปลนพิมพ์เขียวได้เนี่ย
ไม่ค่อยมีหรอก..อาศัยว่าสร้างไปคิดไป ตามความเคยชิน หรือภูมิปัญญาช่างท้องถิ่น


“บ้านก็เลยออกมาแบบที่เห็น”
ตกลงมันดีหรือไม่ดีเนี่ย ?


“จำได้รึเปล่า ตอนบ้าน
ใกล้เสร็จ..โจไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ ”


เอาละสิ! แม่ทำท่า
จะเผาผมให้หมอผึ้งฟังซะแล้ว


“ โจน่ะ ชอบมาวิ่งเล่นแถวที่เค้าก่อสร้าง เห็นกองทรายเป็นไม่ได้ ชอบไปเล่นนู่น
ขุดนี่..จนทรายเกลื่อนไปหมด บางทีก็เอาค้อนของสล่า มาตอกตะปูเล่น
เอาสีทาบ้าน...มาทาหมาก็มี ”



หมดกัน..ภาพลักษณ์เด็กดีของผม


“ แต่สุดท้าย..เจอดี ไปปีนประตูที่สล่าเค้าวางพิงฝาผนังไว้ จนประตู...หล่นใส่
หัว..เย็บไปหลายเข็ม ” สมน้ำหน้า!



เปลี่ยนเรื่องดีกว่า มี
แต่เรื่อง..น่าอายทั้งนั้นเลย


สมัยนั้นจำได้ว่า บ้านผม ออกจะดูเดิ้นสุดในละแวกเลยนะ เพราะเพื่อนบ้าน
ส่วนใหญ่ เค้าจะสร้างบ้านเป็นห้องแถวทำจากไม้
( ถ้าเคยดู “แฟนฉัน” คงพอนึกออก )


แต่บ้านผมเป็นบ้านรุ่นแรกๆ ที่ก่ออิฐฉาบปูน..สร้างเป็นบ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน
1 ห้องน้ำ หน้าบ้านติดถนนใหญ่..หลังบ้านมีคลองชลประทานไหลผ่าน


วันเวลาผ่านไป หลังจากความเจริญ
คืบคลานเข้าสู่เชียงใหม่ แบบไม่ขาดสาย บ้านคนอื่นๆ เค้าก็ย้ายไปหมดแล้ว
บ้างก็เปลี่ยนสภาพจากบ้านเป็นร้านค้า เป็นเซเว่นอีเลเว่น


“แต่บ้านผม...ก็ยัง
อยู่ที่เดิมและสภาพเดิมๆ”



หน้าบ้านเปิดเป็นร้านทำกรอบรูปครับ
สวนที่รกๆนี่...ฝีมือพ่อผมเอง

ด้านข้างบ้าน ก็มีแต่ต้นไม้
มองแทบไม่เห็นตัวบ้านเลย

ที่จอดรถนี่มาต่อเติมทีหลัง
ที่เห็นคลุมผ้าอยู่ เป็นช๊อปเปอร์ของผมครับ
ทุกวันนี้ พ่อเอาไว้ซิ่งไปจ่ายตลาด

ขอโปรโมทหน่อย ร้านอยู่
แถวถนนเชียงใหม่-หางดง กม.11-12 ครับ

ลุงที่เฝ้าหน้าร้านนั่น พ่อผมเอง



เคยมีคนมาถามซื้อบ้านผมไปทำเป็นอาคารพาณิชย์..เสนอเงินก้อนใหญ่


แต่แม่ไม่เอา เพราะผูกพันกับที่นี่ มีญาติพี่น้องอยู่ใกล้ ดีกว่าไปอยู่บ้านจัดสรร
ที่ต่างคนต่างอยู่ และยังไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านจะเป็นใคร


แม่บอกว่า..ใช้เวลาสร้างบ้านอยู่ร่วม ๆ
4 เดือน สร้างๆหยุดๆ เพราะหาเงินไม่ค่อยทัน


ราคาสร้างบ้านตอนนั้นประมาณ 8 หมื่นบาท บวกค่าแรงสล่าอีก หมื่นสอง ซึ่ง
ณ เวลานั้น..ก็ถือว่าแพงใช้ได้เลย


“แม่ก็หยิบยืม..คนนั้นคนนี้บ้าง
เงินเก็บบ้างเหมือนโจกับผึ้งนั่นแหละ”


ตอนสร้างบ้าน พ่อพึ่งรับราชการใหม่ๆ..เงินเดือนแค่ 2,800 บาท
ก๋วยเตี๋ยวชามละ 7-10 บาท น้ำมันเบนซิน..ลิตรละ 2-3 บาท


"แม่บอก..พ่อต้องขาย
มอเตอร์ไซด์..เปลี่ยนมา
ขี่จักรยานไปทำงานแทน"

( โห..ซึ้ง )



ผมนึกถึง...ภาพโฆษณา
ลีโอเบียร์ ชุด “ ใช้ชีวิต ”

ที่มีหนุ่มออฟฟิศมาดเท่ห์ สำนึกรักธรรมชาติ ขี่จักรยานมาทำงาน เดินขึ้น
บันไดแทนลิฟท์ เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดแอร์ แล้วมีนางเอกหน้าสวยนั่งซ้อน
ท้ายจักรยานในตอนจบ


คิดว่าพ่อผม...ก็คงประมาณนั้น


“ เปล่าเลย พ่อโจน่ะไว้ผมยาวเป็นฮิปปี้
ขี่จักรยานได้ไม่กี่วัน โดนรถยนต์เบียด
ตกข้างทาง ก็เลยมาอ้อนแม่ขอ
ซื้อมอเตอร์ไซด์..มือสองมาขี่แทน ”


แม่นะแม่ ทำภาพลักษณ์พ่อ เสียหมด!









-โปรดอ่านต่อหน้าถัดไป-

ไปหน้าสารบัญ
ประสบการณ์การสร้างบ้าน

    


51 User Online