เรื่องที่ต้องระวัง
เมื่อทำสัญญาว่าจ้างสร้างบ้าน

ท้ายที่สุดผู้ว่าจ้างก็ "เสียเปรียบ"

เพราะการจ้างเหมาก่อสร้างบ้าน
ในแบบที่ผู้ว่าจ้าง..
จ่ายเงินมัดจำสัญญาให้ก่อน
ผู้รับจ้าง..ทำงานให้หลังรับเงินแล้ว
และเก็บเงินค่างวด "ในช่วงแรก"..
ได้เงิน "มากกว่า" เนื้องาน "ที่ทำได้"

เวลามีข้อถกถียง
กับผู้รับจ้างเรื่องคุณภาพงาน

จะคุยกับผู้รับจ้างได้ยาก
เพราะผู้ว่าจ้าง
มีอำนาจในการต่อรอง "น้อยกว่า"ผู้รับจ้าง
เพราะจ่ายเงินเกินกว่าเนื้องาน "ไปมากแล้ว".!!

• 
  
  ควรระบุ
  มาตรฐานการก่อสร้างที่ชัดเจน
  ไว้ในสัญญา.!
  
  เพื่อให้ทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
  เข้าใจตรงกันว่า
  งานที่เสร็จแล้วต้องมีคุณภาพระดับใด
  
  ถึงแม้ว่าผู้ว่าจ้าง
  จะไม่เข้าใจเรื่องมาตรฐานฯก็ตาม
  แต่เรื่องนี้ก็ช่วยผู้ว่าจ้างได้
  ในเวลาที่ต้องโต้แย้งกับผู้รับจ้าง
  ในเรื่องคุณภาพงาน
  
  
  
• 
  
  จะทำให้
  
  • 
    
    หากสัญญา
    ไม่ได้ระบุเรื่องมาตรฐานไว้
    คอนเซ้าท์ (ผู้ตรวจสอบงาน)
    จะไม่สามารถตรวจสอบงานก่อสร้าง
    ได้อย่างชัดเจน
    ว่างานนั้นได้มาตรฐานหรือไม่
    อาจต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว
    ซึ่งอาจไม่ตรงกับมาตรฐานงานก่อสร้าง
  
  
  • 
    หากเกิดข้อโต้แย้งเรื่องคุณภาพงาน
    จะไม่สามารถอ้างอิงมาตรฐานใดๆได้
    ผู้รับจ้างจะอ้างว่า
    มาตรฐานดังกล่าว "ไม่มีในสัญญา"
    ทำให้ยากต่อการแก้ไขปัญหา
  
  
  
• 
  
  • 
    
    ว่าเขาใช้มาตรฐานของเขา
    ผู้รับจ้างบางรายอาจอ้างว่า
    ทำงานตาม "มาตรฐานของเขา"
    โดยที่่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ว่าจ้างทราบ
    ตั้งแต่..ตอนขายงาน
    หรือบอกว่ามี
    แต่มาตรฐานนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ
  
  
  • 
    ผู้ว่าจ้าง
    ควรตรวจสอบมาตรฐานที่ผู้รับจ้างกล่าวอ้าง
    ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
    
    มาตรฐานงานก่อสร้างที่ยอมรับกันแพร่หลาย
    ได้แก่ มาตรฐาน วสท. , มาตรฐาน มยผ. ,
    มยธ. ,มาตรฐาน ACI , มาตรตฐาน ASTM
    และ มาตรฐาน มอก.



• 
  
  • 
    การไๆปดูงานของผู้รับเหมา
    ไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักประกันว่า
    จะได้งานที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ
    เพราะแต่ละโครงการ
    อาจมีข้อจำกัด
    และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

มีบทความที่ผู้จะสร้างบ้านควรรู้
ดูหัวข้อ เรื่องน่ารู้เพื่อการสร้างบ้าน จากเมนู